@ เก่งศีลเป็นสุข ไม่เก่งศีลเป็นทุกข์
@ ไม่เก่งศีล แต่ยิ่งเก่งงาน ยิ่งเก่งวิชาการ ยิ่งทุกข์ ยิ่งชั่ว ยิ่งโง่
@ เก่งแต่งาน เก่งแต่วิชาการ แต่ไม่เก่งศีล จะเอาสุขมาแต่ไหน มีแต่ทุกข์เท่านั้นเป็นที่ไป
@ เก่งศีล แม้จะเก่งหรือไม่เก่งงาน จะเก่งหรือไม่เก่งวิชาการ ก็เป็นสุขแท้ๆ ดีแท้ๆ อย่างมั่นคงยั่งยืน และ ถ้าเก่งศีลอย่างต่อเนื่อง มั่นคงยั่งยืน ถึงที่สุดก็จะทำให้เก่งทั้งศีล เก่งทั้งงาน และเก่งทั้งวิชาการอย่างมั่นคงยั่งยืนตลอดกาลนาน เป็นสุขแท้ๆ ดีแท้ๆ อย่างมั่นคงยั่งยืนตลอดกาลนาน
@ ต้องเก่งศีล ก่อนเก่งงานและวิชาการ จึงจะเป็นสุขได้ แต่ถ้าเก่งงานหรือวิชาการก่อนโดยไม่เก่งศีล จะไม่มีทางเก่งศีลได้และจะไม่มีทางพ้นทุกข์ได้ ไม่มีทางพบกับความผาสุกที่แท้จริงของชีวิตได้ เพราะกิเลสจะเอาความเก่งงานหรือเก่งวิชาการ ไปทำผิดศีล ไปเสพชั่วหรือเสพดีให้สมใจ สั่งสมเป็นกิเลส ความติดชั่วหรือติดดีให้มากยิ่งขึ้นๆ เกิดทุกข์ เพราะกลัวว่าจะไม่ได้เสพสมใจ วันที่ วิบากร้ายออกฤทธิ์ จะไม่ได้เสพชั่วหรือดีให้สมใจก็จะทุกข์ ซ้ำเข้าไปอีก และทำชั่วได้ทุกเรื่อง ทั้ง ยังเหนี่ยวนำให้ผู้อื่นรู้สึกแบบนั้นตาม ทำแบบนั้นตาม สั่งสมเป็นวิบากร้ายต่อตนเองและผู้อื่น จึงทำให้ชีวิตของตนเองและผู้อื่นที่มีกิเลส ผิดศีล ทุกข์ ชั่ว และโง่
@ คนที่เกิดมาแล้วเก่งงานหรือเก่งวิชาการ แต่สามารถเรียนรู้และปฏิบัติศีลได้นั้น เป็นเพราะได้เรียนรู้และปฏิบัติศีลมาตั้งแต่ชาติก่อน ชาตินี้จึงมาเรียนรู้และปฏิบัติศีลเพิ่มเติมจากชาติก่อน
@ ปัญญาศีลยอดเยี่ยมกว่าปัญญาทราม
@ ปัญญาศีลนั้นยอดเยี่ยม ส่วนปัญญาทรามนั้นยอดแย่
@ ปัญญาพาผิดศีลเป็นปัญญาทราม ปัญญาพาถูกศีลเป็นปัญญาสูง ปัญญาประเสริฐ
@ ปัญญาพาถูกศีลนั้น ชั่วไม่ทำ ทำแต่ดีที่ทำได้อย่างรู้เพียรรู้พัก ไม่มีความยึดมั่นถือมั่น เพราะเข้าใจเรื่องกรรมดีกรรมชั่วของเราและแต่ละชีวิตอย่างแจ่มแจ้ง จึงไม่มีวิบากร้าย มีแต่วิบากดี ทำให้อิ่มเอิบเบิกบานแจ่มใสตลอดกาลนาน
อาจารย์หมอเขียว
ดร.ใจเพชรกล้าจน
27 มกราคม 2561
ดร.ใจเพชรกล้าจน
27 มกราคม 2561
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น