การต่อสู้ของมวลมหาประชาชน(กปปส.)เพื่อประโยชน์ของคนส่วนมากกับกลุ่มที่ทำประโยชน์เพื่อคนส่วนน้อย(ระบอบทักษิณ) ด้วยยุทธศาสตร์การต่อสู้สู่ชัยชนะที่แท้จริงตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ข้างต้น
กำลังเป็นแบบอย่างให้หลายประเทศทั่วโลกที่กำลังประสบกับปัญหาความชั่วของผู้บริหารที่ใช้อำนาจคดโกงเอาเปรียบกดขี่
ข่มเหงทำร้ายประชาชนและข้าราชการที่ดี รวมถึงองค์กรอิสระต่างๆ ทำให้หลายประเทศได้แนวทางแสงสว่างทางออกของการต่อสู้เพื่อแก้ปัญหาของสังคมประเทศชาติ
ยุทธศาสตร์ดังกล่าวได้ส่งผลให้ระบอบทักษิณหมดอำนาจลงไปเป็นลำดับๆ
ทำให้คนในระบอบทักษิณทุรนทุรายทุกข์ทรมานกับการไม่ได้ดั่งใจ ซึ่งเป็นวิบากบาปที่เริ่มไล่ล่าอย่างไม่ยั้งมือสารพัดเรื่อง
ทำให้สิ่งเลวร้ายอันเป็นขุมอำนาจและต้นทุนของระบอบทักษิณหลายอย่างที่ทักษิณคิดเพื่อไทยทำถูกตัดรอนไม่สามารถทำได้
เช่น ระบอบทักษิณไม่สามารถออกกฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิดคนที่ทำผิดกฎหมายหลายคนหลายประเด็นที่ไม่ยอมรับผิด
โดยเฉพาะคุณทักษิณและหลายคนในระบอบทักษิณ โดยอ้างการล้างผิดให้ฝ่ายอื่นๆด้วยบ้างบางส่วน
เพื่อให้คุณทักษิณและคณะจะได้กลับมามีอำนาจอีกครั้ง
ไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญที่มาของ
สว.(สภาผัวเมีย)ที่ทำลายกลไกการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลเพื่อระบอบทักษิณจะได้รวบอำนาจได้
ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ และปปช.รอชี้มูลความผิดอยู่ในวันที่ ๗
และ ๑๐ ม.ค. ๕๗ นี้
ระบอบทักษิณไม่สามารถคดโกงเพื่อสะสมอำนาจทุนและสร้างปัญหาหนี้สินดอกเบี้ย(ทำให้ข้าวของสินค้าราคาแพงยิ่งขึ้น)
จากโครงการกู้ยืมสองล้านๆสร้างรถไฟความเร็วสูง(ใช้ต้นทุนอย่างสูงเพื่อส่งผักขาย)
โครงการกู้ยืมสามแสนห้าหมื่นล้านที่ไม่โปร่งใสในการแก้ปัญหาน้ำท่วม
ทุจริตโครงการจำนำข้าว และโครงการทุจริตอื่นๆ
ระบอบทักษิณยังบอบซ้ำดีดดิ้นทุรนทุรายทุกข์ทรมานหนักเข้าไปอีก เมื่อคุณทักษิณฟ้อง
คตส. แล้วศาลยกฟ้องและระบุว่าคุณทักษิณทุจริตดังกล่าวจริง
รวมถึงการจำต้องยุบสภาทำให้อำนาจระบอบทักษิณลดลงอย่างมาก เช่น รัฐบาลรักษาการ ไม่สามารถสั่งย้ายข้าราชการได้
ไม่สามารถอนุมัติงบประมาณได้ ไม่สามารถแก้กฎหมายได้ เป็นต้น
นอกจากนั้นยังมีคดีความผิดอีกมากมายที่คนในระบอบทักษิณทำเอาไว้
ซึ่งรอการตัดสินโดยศาลและองค์กรอิสระ รวมถึงการถูกฟ้องศาลเพิ่มและรอองค์กรอิสระตัดสินอีกมากมายหลายคดี
เช่น คดีทุจริตโครงการจำนำข้าว คดีทุจริตโครงการแก้ปัญหาน้ำท่วม
คดีแก้รัฐธรรมนูญที่มาของ สว.ที่วิธีการและเนื้อหาขัดรัฐธรรมนูญ เป็นต้น
ซึ่งจะมีผลทำให้ต้องรับโทษและหยุดทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน จะเห็นได้ว่า กุศลเก่าที่เคยต้านภัยให้ระบอบทักษิณได้ทยอยหมดลงไปมากแล้ว
เพราะไม่ทำความดีเพิ่ม กลับมุ่งมั่นทำแต่ความชั่วสารพัด
วิบากชั่วจึงละลายวิบากดีของเขาที่เคยคุ้มครองเขาให้หมดไป
และส่งผลที่เลวร้ายรุนแรงให้เขามากยิ่งขึ้นๆ กฎแห่งกรรม กฎหมาย และกฎสังคม
กำลังไล่ล่าระบอบทักษิณอย่างไม่ยั้งมือ
ส่งผลให้ระบอบทักษิณไม่ได้ดั่งใจดีดดิ้นทุรนทุรายทุกข์ทรมานมากยิ่งขึ้นๆ
ถึงที่สุดเมื่อเขาทุกข์เกินทนอันเกิดจากจากวิบากกรรมของเขา เขาก็จะกลับใจเป็นคนดีไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่ง
สัจจะเป็นเช่นนี้ตลอดกาลนานไม่มีแปรเปลี่ยน
จากการชุมนุมของมวลมหาประชนชนที่ใช้ยุทธวิธีตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ติหรือข่มในสิ่งที่ควรติควรข่ม
ยกย่องในสิ่งที่ควรยกย่อง
พร้อมกับใช้มาตรการทางสังคม กฎหมายและกฎแห่งกรรม ด้วยสันติ อหิงสา (ไม่เบียดเบียน ไม่รุนแรง) ปราศจากอาวุธ
ทำให้เกิดการเผยแพร่ข้อมูลความเลวร้ายของระบอบทักษิณทางสื่อสารทุกรูปแบบ ยิ่งยืดเยื้อยาวนานเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลเสียต่อระบอบทักษิณเท่านั้นๆ
ยิ่งระบอบทักษิณทำบาปชั่วมากยิ่งขึ้นเท่าไหร่ ข้าราชการและประชาชนก็ยิ่งรู้ถึงความเลวร้ายและการไร้ความสามารถในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของข้าราชการและประชาชนที่ทวีมากขึ้นทุกวันๆ
อันเกิดจากฝีมือการบริหารที่สุดโกง สุดโง่เขลา สุดผิดพลาด และสุดล้มเหลวของระบอบทักษิณ
ระบอบทักษิณจึงหลอกข้าราชการและประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้อีกต่อไป
ยังคงหลอกได้เพียงบางกลุ่มส่วนน้อยเท่านั้น ซ้ำยังโชคร้ายไม่มีบุญที่จะเกิดปัญญาสำนึกผิด
กลับมุ่งมั่นทุ่มโถมพากเพียรทำความชั่วสารพัดต่อไป ใช้ความรุนแรงอำหิตโหดร้ายกับประชาชนและข้าราชการมากยิ่งขึ้นๆ
แล้วโกหกหลอกลวงผู้คนว่าตนทำถูกต้องเพื่อผลประโยชน์ของพรรคพวกตนซึ่งเป็นคนส่วนน้อยและใส่ร้ายคนดีที่ทำประโยชน์เพื่อคนหมู่มาก
พอคนรู้คนก็ยิ่งรังเกียจ ไม่สนับสนุน ไม่ร่วมด้วย และต่อต้านเท่านั้นๆ
คนจึงมารวมกับกลุ่มคนดีมากยิ่งขึ้นๆ เพราะคนดีนั้น ไม่ใช้ความรุนแรง ทำให้ปลอดภัย คนดีพึ่งตนเองได้
มีน้ำใจแบ่งปันเกื้อกูล เสียสละด้วยความซื่อสัตย์ อย่างมีปัญญาแท้
จึงมีคุณค่าประโยชน์แท้ต่อชีวิต ทำให้กลุ่มคนดีมีปริมาณและคุณภาพมากกว่าคนชั่ว
ประชาธิปไตยนั้นชนะกันด้วยเสียงข้างมาก ชัยชนะก็จะเป็นของมวลมหาประชาชนคนดี ประกอบกับเมื่อคนดีออกมาชุมนุมแสดงตัวมากเท่าไหร่
ก็จะส่งพลังสนามแม่เหล็กแห่งความดีให้ศาล องค์กรอิสระ ข้าราชการและประชาชนที่ดี ได้ทำหน้าที่อย่างถูกต้องเป็นกลางแห่งสัจธรรมที่แท้จริงตามที่พระพุทธเจ้าตรัสในโอวาทปาติโมกอันเป็นข้อปฏิบัติสู่การพ้นทุกข์คือ
กลางในการทำหน้าที่หยุดสิ่งที่ชั่วร้ายต่อตนเองและผู้อื่น
กลางในการทำหน้าที่ที่ดีแท้ต่อตนเองและผู้อื่น
กลางในการทำหน้าที่ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ผ่องใส อย่างแกล้วกล้าอาจหาญแต่ไม่กร่าง
แข็งแกร่งแต่ไม่แข็งกระด้าง อ่อนน้อมอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ กล้าแต่ไม่บ้าบิ่น
เพราะมีพลังของมิตรดีสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดีเป็นทั้งหมดทั้งสิ้นของความพ้นทุกข์(พระไตรปิฎก
เล่ม ๑๙ อุปัฑฒสูตร ข้อ ๕)
คุ้มครองเสริมหนุนอยู่ ดังนั้น ในที่สุดชัยชนะก็จะเป็นของมวลมหาประชาชนคนดี เพราะเมื่อสัจจะถึงที่สุดแล้ว
“ธรรมะย่อมชนะอธรรม”
โธ่ ...
ตอบลบ