ประวัติของพระโมคคัลลาทำให้เข้าใจเรื่องกรรมอย่างแจ่มแจ้ง และทำให้ซาบซึ้งและหมดสงสัยกับประโยคนี้...
"ทำร้ายเขามาตั้งมากตั้งมาย ยังมีหน้ามาโกรธมาเกลียดเขาอีก มันชั่วเกินไปแล้วเรา"
ก่อนมาเจอพุทธะ ชีวิตทุกชีวิตที่หลงโง่เกิดมา ได้พลาดทำชั่วมานับน้ำตา 4
มหาสมุทร พอมาเจอพุทธะก็ต้องล้างให้หมดในกิเลสที่ได้สั่งสมมา
และทุกวิบากชั่วที่ทำมาก็ต้องรับหรือ
สร้างวิบากดีดันออกไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ประวัติของพระโมคคัลลา อัครสาวกเบื้องซ้าย
ตอนที่ถูกโจรสับเป็นชิ้นๆ ท่านก็ไปลาพระพุทธเจ้าแล้วท่านก็ยอมตายยอมให้โจรฆ่าตาย
เป็นที่กล่าวขานกันไปทั่วว่า "ไม่น่าเลย เป็นอัครสาวกเบื้องซ้าย
ไม่น่าจะถูกฆ่าตายเลยๆ
มันไม่สมเลยไม่เหมาะสมเลยเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายแล้วถูกฆ่าตาย
ไม่เหมาะสมเลยๆ" คนก็พูดโจษจันไปทั่ว
พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า ใช่
เป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายนี่ไม่เหมาะเลยที่จะถูกฆ่าตาย แบบนี้
แต่ที่พระโมคคัลลาโดน "เหมาะสมแล้วกับวิบากเก่าที่ทำมา"
กับวิบากใหม่ที่ทำกับความดีที่ทำร่วมกับพระพุทธเจ้านี่ไม่เหมาะสมเลย ไม่ได้เหมาะสมเลยที่จะถูกโจรฆ่าตายอย่างนี้
แต่เหมาะสมแล้วกับ "วิบากเก่าที่ทำมา" สิ่งร้ายที่พระโมคคัลลาได้รับ
ไม่ได้เกิดจากการบำเพ็ญเป็นอัครสาวกเบื้องซ้าย
แต่เกิดจากการทำไม่ดีมาในชาติก่อนๆ
เพราะจากประวัติของพระโมคคัลลาสมัยไกลลิบๆๆๆๆๆๆๆ นับล้านปีไม่ถ้วน อดีตชาติของท่าน
ท่านได้ดูแลพ่อแม่ที่ตาบอดๆ พ่อแม่ก็อยากให้ท่านมีภรรยา
จึงไปหาภรรยามาให้ ภรรยามาดูแลพ่อแม่ที่ตาบอดนานเข้าๆ
ก็เกิดความรำคาญไม่อยากดูแล พอรำคาญมากๆ ก็ยุสามี (พระโมคคัลลา)
ให้ฆ่าพ่อแม่ ใส่ร้ายพ่อแม่ต่างๆ นาๆ สามีฯ ก็เชื่อตาม
พระโมคคัลลา
หลอกพ่อแม่ว่าจะพาไปเยี่ยมญาติ บอกพ่อแม่ว่าให้ไปทางนี้ๆ
เส้นทางตรงไปอย่างนี้ ตนจะคอยอารักขาให้ เพราะได้ข่าวว่ามีโจรร้าย
จากนั้นพระโมคคัลลานะก็ แสร้งทำเป็นโจรแล้วเข้ามาทำร้ายพ่อแม่
-พ่อแม่ก็บอกว่า "ลูกเอ๊ยหนีไปซะ ไม่ต้องห่วงพ่อแม่หรอก พ่อแม่แก่มากแล้ว ปล่อยให้พ่อแม่ตายไปซะ!ไม่เป็นไร ใจรมาแล้ว รีบหนีไป"
-พ่อแม่ก็รักลูกมาก บอกให้ลูกหนีไป ให้ลูกหนีไปซะ ไม่ต้องห่วงพ่อแม่
ก็คือ อดีตชาติของท่านคือหน้ามืดทุบตีพ่อแม่จนตาย ก็เป็นอนันตริยกรรม ต้องตกนรกทุกข์ทรมานแสนสาหัสนับหลายแสนปี
อนันตริยกรรมเป็นกรรมหนัก 5 ประเภท
1.ฆ่ามารดา
2.ฆ่าบิดา
3.ฆ่าพระอรหันต์
4.ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนห้อพระโลหิต
5.ทำสงฆ์ให้แตกกัน ทำลายสงฆ์
เศษวิบากของอนันตริยกรรมที่มาถึง ทำให้พระโมคคัลลาต้องถูกฆ่าตาย
ฟังดีๆ...เศษ...วิบาก... ของชาติที่ลิบๆๆๆๆๆๆๆ
ที่ได้ชดใช้ไปไม่รู้ตั้งกี่แสนปีแล้ว
ใช้วิบากกรรมจนเบาบางถึงได้บำเพ็ญต่อเป็นโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี
เป็นอรหันต์แล้วบำเพ็ญโพธิสัตว์ต่อ
กว่าจะมาเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายนี่ไม่ใช่ธรรมดานะ
ใช้เวลาตั้งหนึ่งอสงไขยกับแสนกัป ไม่รู้กี่ล้านปี นับล้านปีไม่ถ้วน
กว่าจะมาเป็นอัครสาวกเบื้องซ้าย เศษ...วิบาก...ยังตามมาไล่ล่า
เพราะฉะนั้น ใครที่รู้สึกว่าตนเป็นคนดี จะได้หมดสงสัยว่า
"ทำไม ฉันก็เป็นคนดี ทำไมฉันต้องมาโดนด้วยๆ"
"คนที่ทำไม่ดีกับฉันต้องเป็นคนไม่ดีต่อฉัน แน่ๆเลย เป็นคนน่าเกลียดน่าชังสำหรับฉัน แน่ๆ เลย"
"ฉันทำดีตั้งมากตั้งมาย แล้วทำไมเขาถึงมาทำไม่ดีกับฉันๆๆ"
คนมีปฏิภาณ จะได้เลิกโทษคนอื่นเสียที ขนาดอัครสาวกเบื้องซ้าย
ยังโดนอย่างนั้น เศษวิบากนะ ไม่ใช่ปีที่แล้ว ไม่ใช่ชาติที่แล้ว
ไม่ใช่ชาติที่ติดกัน เป็นชาติที่ลิบๆๆๆๆๆๆๆ นับล้านปีไม่ถ้วน
-ใครฟังอันนี้เข้าใจแล้ว จะหมดสงสัยเลย
ไม่ต้องไปลุ้นเลยว่าจะไม่มีเรื่องร้ายในชีวิตเรา มันมาแน่
(เพราะเราทำพลาดทำชั่วมานับน้ำตา 4 มหาสมุทร)
-ก็ขนาดพระพุทธเจ้าในปางที่ท่านพลาดทำสิ่งไม่ดีต่างๆ ไม่ใช่ชาติใกล้ๆ นะ
ชาติลิบๆๆๆๆๆๆๆ นับล้านปีไม่ถ้วน ระดับพระพุทธเจ้ายังโดนเลย ลิบๆๆๆๆๆๆๆ
นับล้านปีไม่ถ้วน
พระโมคคัลลานะก็ลิบๆๆๆๆๆๆๆ นับล้านปีไม่ถ้วน
ลิบๆๆๆๆๆๆๆ นับล้านปีไม่ถ้วน นี่เศษ...วิบาก...นะ ยังโดนเลย
ดังนั้น ไม่ต้องแปลกใจหรอกว่าใครที่มาทำไม่ดีกับเราอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วเรารู้สึกว่า
"ฉันทำดีมาขนาดนี้ ทำไมเธอถึงไม่เห็นความดีฉันบ้าง"
"ทำไมคนนั้นคนนี้ถึงไม่เห็นความดีฉันบ้าง"
"ทำไมคนนั้นคนนี้เขาไม่ศรัทธาเรา"
อย่าว่าแต่ศรัทธาเลย "เขาไม่ฆ่าก็บุญนักหนาแล้ว"
ฟังถึงวันนี้แล้ว ใครที่ไม่ศรัทธาคุณ คุณไม่ต้องไปน้อยใจนะ "เขาไม่ฆ่าคุณก็ดีแล้ว"
โอ๊ย "ต้องขอบคุณที่ไม่ฆ่าเรา"
เพื่อนบ้าง คนในครอบครัวบ้าง
คนนั้นคนนี้บ้างที่ทำไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้กับคุณหน่อยเดียว จะเป็นจะตาย
มานั่งน้อยใจ เว้าใจ แหว่งใจ "เขาไม่ฆ่าคุณก็ดีแล้ว"
ถ้าคุณเชื่อว่า "คุณชั่วมา" คุณจะไม่โกรธเขาเลย
ขนาดพระพุทธเจ้า พระโมคคัลลา ผู้มีบารมีมาก บําเพ็ญบุญกุศลมามาก ท่านชดใช้วิบากมานับหลายแสนปีแล้วนะ
ฟังแล้วจะซาบซึ้งและหมดสงสัยกับประโยคนี้
"ทำร้ายเขามาตั้งมากตั้งมาย ยังมีหน้ามาโกรธมาเกลียดเขาอีก มันชั่วเกินไปแล้วเรา"
จะได้หมดสงสัยเสียที ฟังดีๆ แล้วจะเลิกโกรธเลิกเกลียดเลิกน้อยใจได้แล้ว
เลิกชิงชังรังเกียจคนนั้นคนนี้ได้แล้ว เลิกน้อยใจได้แล้ว จะน้อยใจอะไรอีก
-ทำร้ายเขามาตั้งมากตั้งมาย
"จะนัอยใจอะไรอีก"
"เขาไม่ฆ่าคุณก็ดีนักหนาแล้ว"
"ยังมีหน้ามาโกรธมาเกลียด มานัอยใจเขาอีก"
"ยังมีหน้ามาอยากเอาโน่นเอานี่จากเขาอีก"
"ยังอยากให้เขาทำดีกับเรา "
"มันชั่วเกินไปแล้วเรา"
"เขาไมฆ่าเราก็ดีนักหนาแล้ว
โดนแค่นี้ มันยังไม่เท่ากับเศษวิบากของพระโมคคัลลานะ ท่านถูกสับเป็นชิ้นๆ
ท่านไม่เห็นจะโกรธเกลียดใครเลย ท่านก็รู้ว่าท่านทำชั่วมาหนักมาก ทั้งๆ
ที่พ่อแม่ก็รักท่านมาก
ท่านก็เลยชัดเจนว่าโจรฆ่าท่านตายนี่ มันยังน้อย...ไป... โดนเท่านี้มันยังน้อยไป มันก็เหมาะสมแล้ว
พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าที่โดนน่ะ เหมาะสมแล้วที่โดนฆ่า
แต่ไม่ได้เหมาะสมกับที่ท่านเป็นอัครสาวกเบื้องซ้าย แต่ "เหมาะสมแล้ว
สมควรแล้ว" จากปางที่ท่านเป็นลูกอกตัญญูที่ฆ่าพ่อแม่เมื่อปางโน้นก็
"สมควรแล้ว"
ฟังให้ดีๆ แล้วไม่ต้องไปโกรธเกลียดใคร อย่าไปน้อยใจ
อย่าไปโกรธเกลียด ชิงชังคนโน้นคนนี้อีก ใครมาทำไม่ดีกับเรา
เขาไม่ฆ่าเราก็ดีนักหนาแล้ว ต่อให้เขาฆ่าเรา ถ้าเราเลี่ยงไม่ออก
ก็ดีนักหนาแล้ว จะได้หมดวิบากชั่วๆ ที่เราโง่ทำมา พลาดทำมา รับแล้วก็หมดไป
จะได้โชคดีขึ้น ท่องไว้แค่นี้
-เพราะเราทำมามากกว่านั้น
-เพราะไม่มีใครทำร้ายเราได้ นอกจากความชั่วของเรา ไม่มีใครทำดีกับเราได้ นอกจากความดีของเรา
-เพราะเรามันแสบสุดๆ
เราจึงต้องได้รับสุดๆ
มันจะได้หมดไปสุดๆ
มันจะได้โชคดีสุดๆ
มันจะได้เป็นสุขสุดๆ
ถ้าเรามั่นใจว่าเราทำดี มั่นใจว่าเราทำดี แล้วโดน "มันก็ดีนักหนาแล้ว"
วันนี้ก็น่าจะเลิกน้อยใจได้แล้ว
ฟังให้มันชัด แล้วอย่าไปโกรธเกลียดใครอีกในโลกใบนี้ ขนาดพระพุทธเจ้าหรือ อัครสาวกเบื้องซ้ายยังพลาดเลย เราจะไปเหลืออะไร
-เมื่อมีคนทำไม่ดีกับเราให้
“ยอมเชื่อ” ว่า “ตัวชั่วมา”
“ยอมรับผลชั่ว” ที่ “ตัวทำมา”
ดังนั้น
"อย่าไปโกรธเกลียดใครอีกในโลกใบนี้"
หมอเขียว
ดร.ใจเพชร กล้าจน
8 มกราคม 2561