วันอังคารที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ประโยชน์ของการเสียสละ ของการทำงานฟรี

ประโยชน์ของการเสียสละ ของการทำงานฟรี จะมีอนิสงค์อย่างน้อย ๗ ประการ

ขออนุญาตยกตัวอย่างตัวผมเอง อาจจะดูไม่งามนักที่ยกตัวอย่างตัวเอง แต่ก็เป็นความจริงที่สุดที่ผมเชื่อถือได้มากที่สุด เพราะสิ่งนั้นเกิดกับตัวผมเอง ผมได้ฝึกทำงานฟรีมา ๑๕ ปี ไม่เอาค่าตอบแทนใดๆมาเป็นของตัวเอง ถ้าเขาให้เราก็เอาเข้ากองบุญ ทุกวันนี้ไม่มีเงินส่วนตัวสักบาท มีศูนย์บาท กรรมการกองบุญเขาให้ก็ใช้ เขาไม่ให้ก็ไม่เป็นไร
ผมได้พบ อานิสงส์(ประโยชน์) ๗ ประการ คือ
๑. ไม่ตกงาน คนจะใช้งานเราอย่างตะบี้ตะบัน ช่วยทำให้หน่อย ต่อให้มีวิชาล้างจานอย่างเดียว เราก็ไม่ตกงาน คนทำงานฟรีจะมีงานทำทุกวันทั้งปีทั้งชาติ
๒. จะพอกินพอใช้ ถ้าเราไปทำงานฟรีๆ ไปช่วยเหลือคนฟรีๆ ไปเข้าบ้านไหน บ้านนั้น บ้านนี้ ไปขอล้าง
จานฟรี เชื่อว่าจะไม่อดตาย แม้ว่าจะไม่ขอของกินของใช้ก็ตาม เชื่อไหมว่าเราจะพอกินพอใช้ กินใช้ไม่หมด ต่อให้เราไม่ต้องขอ ถ้าเราไปล้างจาน เขาจะให้เอง เขาไม่ให้ก็ไม่เอา ผลจากการทำงานฟรีผมอยากให้ท่านลองทายว่า จะเป็นข้อไหน ถ้าเรากินทั้งหมดที่เขาให้โดยไม่ต้องขอของกินของใช้ แต่ถ้าเขาให้ก็เอาเพราะชีวิตก็ต้องกินต้องใช้ ระหว่างอดตายกับพุงแตกตาย จะเกิดผลข้อไหน ผมรับรองว่าพุงแตกตายอย่าว่าแต่พอกินพอใช้เลย จะเหลือกินเหลือใช้ด้วย ซึ่งเป็นอานิสงค์ข้อที่ ๓
๓. เหลือกินเหลือใช้ จะมีคนเอามาให้ตลอด อย่างผมไม่มีปัญญาซื้อรถ ก็จะมีคนเรียกร้องให้ขึ้นรถตลอด ขึ้นเครื่องบิน ขึ้นจนเมื่อยเลย ยิ่งกว่ารัฐมนตรี คนเขาเรียกร้องให้ไปขึ้น ขึ้นจนเมื่อยเลยนะ คนหลายคนเขาคงแปลกๆงงๆ คนนี้ไม่มีรองเท้าใส่ แต่ก็ขึ้นเครื่องบินประจำเลย
                 ที่พอกินพอใช้ เหลือกินเหลือใช้ เพราะคนจะเลี้ยงไว้ ถ้าเราทำงานเสียสละ คนจะเลี้ยงเราไว้ เขาเลี้ยงเอาไว้ใช้งานไง คนอย่างนี้อย่าเพิ่งให้ตาย เขาไม่อยากให้เราตาย เขาจะรักและถนอมเรามาก จะได้ใช้งานนานๆหน่อย เราก็ทำงานเต็มที่ เต็มใจ สุดฝีมือ คนเขาก็ยิ่งชอบ ทำงานฟรี บางทีเราทำงานล่วงเวลา บรรยายจนคนฟังเมื่อยเลย คนฟังแทบแย่ แต่คนพูดยังมีพลังลุยเต็มที่ การทำงานฟรีในอนาคตจะเป็นอาชีพของผู้เสียสละ อาชีพของผู้ฉลาดและผู้ประเสริฐที่แท้จริง
๔. จะมีมิตรเต็มเมือง ผู้ที่ให้จะมีมิตรเต็มเมือง จะมีญาติพี่น้องทางธรรมเยอะไปหมด ตอนนี้ผมไปนอน
จังหวัดไหนก็ได้ ไปจังหวัดไหนก็มีญาติพี่น้องทางธรรมทุกจังหวัด เพราะมาเข้าค่ายทุกจังหวัดแล้ว  ญาติพี่น้องทางธรรมก็ขอให้ผมไปอยู่ไปกินไปใช้ในทรัพย์สมบัติของท่านเหล่านั้น       ทุกจังหวัดทุกเวลา ก็ต้องขอขอบพระคุณในน้ำใจของพี่น้องทางธรรมทุกท่าน แต่ผมก็ไม่มีปัญญา       ไปอยู่ไปกินไปใช้ได้ทั้งหมดทุกที่ ไปได้แค่บางที่บางเวลาที่เหตุปัจจัยจัดสรรให้ได้ไปทำประโยชน์ให้ประชาชนเท่านั้น
๕. แม้เราทำเป็นอย่างเดียว แต่ก็จะได้หลายอย่างในเวลาเดียวกันได้ ต่อให้คนที่ให้เขามีความสามารถเพียงอย่างเดียว ถ้าเขาเป็นผู้ให้อย่างสุดความสามารถเลยนะ เขาจะได้หลายอย่างเลย    ตรงกันข้ามถ้าคนที่มีความสามารถทำได้ทุกอย่าง แต่ถ้าไม่ให้ไม่แบ่งปันใครเลย เขาจะไม่สามารถได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน
               อย่างเรามีความสามารถอย่างเดียว แต่เราไปช่วยคนขับรถ คนสอนหนังสือเป็น คนดำนาเป็น ช่วยคนทำสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็น เวลาเราเดือนร้อน เขาก็จะมาช่วยเรา ต่อให้ไม่เดือนร้อน เขาก็อยากช่วยเรา นี้เป็นสัจจะ เป็นสังคมศาสตร์ธรรมดา
               แต่ที่ลึกซึ้งกว่านี้ก็มี คือเมื่อเราให้สิ่งที่ดีไปแล้ว ต่อให้คนๆนั้นไม่ตอบแทนคุณ ถามว่าเราได้ไหม เราได้สิ่งที่ดี ทำความดี ได้วิบากดีแล้ว วิบากดีจะส่งผลดีให้เรา ซึ่งเป็นผลดีหลากหลายรูปแบบที่เราคาดคิดไม่ถึง ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ให้ของดี ย่อมได้ของดี” (องฺ.ปญฺจก. เล่ม ๒๒ ข้อ ๔๔), “ปราชญ์ผู้ให้ความสุข ย่อมได้รับความสุข”(องฺ.ปญฺจก. เล่ม ๒๒ ข้อ ๔๕), “ผู้ให้สิ่งที่เลิศ ย่อมได้สิ่งที่เลิศอีก”(องฺ.ปญฺจก. เล่ม ๒๒ ข้อ ๕๖), “ผู้ให้สิ่งที่ประเสริฐ ย่อมถึงฐานะที่ประเสริฐ” (องฺ.ปญฺจก. เล่ม ๒๒ ข้อ ๔๖), “นอกจากการแบ่งปันเผื่อแผ่กันแล้ว สัตว์ทั้งปวงหามีที่พึ่งอย่างอื่นไม่” (พระไตรปิฎก เล่ม ๒๘ ข้อ ๑๐๗๓)
                หลายคนไม่เข้าใจตรงนี้ พอไปทำความดีให้เขาแล้ว เขาไม่ตอบแทนความดีให้เรา แล้วเราก็น้อยใจ เจ็บใจ ฉันอุตส่าห์ทำดีกับเขา เขาก็ไม่ตอบแทนบุญคุณเรา แถมหักหลังเราอีกต่างหาก
                 ความจริงเขายอมให้เราทำความดีกับเขา ก็ต้องขอขอบคุณเขาอย่างมากแล้ว เพราะเราได้ทำดีแล้ว ได้วิบากดีๆ แล้ว รอรับผลดีอย่างเดียวแล้ว คนยอมให้เราทำดีนั้นดีที่สุดแล้ว เราได้ทำแล้ว ได้สั่งสมพลังงานดีแล้ว ทำวิบากดี วิบากดีก็รอส่งผลดีให้เราแล้ว เราจะไปเอาอะไรกับเขาอีก ทำไมเราเป็นคนโลภจัง จะไปเอาอะไรกับเขาอีก ถือเป็นความกรุณาอย่างสูงส่งแล้ว ถือเป็นการสั่งสมพลังงานดี และถ้ายิ่งโดนเขาด่าอีก ยิ่งได้สองต่อ เพราะเราได้รับสิ่งที่ไม่ดีเท่าไหร่ เวรกรรมเราก็หมดเท่านั้นๆ    เขาช่วยทำให้วิบากที่ไม่ดีของเราหมดไป เราจะไปโกรธเขาทำไมล่ะ อย่าไปทุกข์เลย ได้สองต่อเลย ความดีก็ได้ เวรกรรมก็หมด ขาดทุนตรงไหน มีแต่กำไร ทำดีมีแต่กำไร ไม่มีอะไรขาดทุนเลย ชีวิตจะไม่มีอะไรขาดทุนเลย ถ้าทำดีจะมีแต่กำไร ผมยังไม่เคยเห็นอะไรขาดทุนเลย คนไม่ทำดีซิ ไม่ให้   ไม่แบ่งปันใครๆ คนๆนั้นไม่มีกำไรเลยมีแต่ขาดทุนอย่างเดียว
                 ถามว่า ถึงเรามีความสามารถหลายอย่างมากมาย แต่ไม่เคยให้ใครเลย ถามว่าเราสามารถทำทุกอย่างในเวลาเดียวกันได้ไหม ไม่ได้ใช่ไหม เรามีความสามารถมากมาย      แต่ไม่เคยให้เลย เราก็จะไม่ได้ในสิ่งดีที่ควรได้ คนที่ให้คือคนที่ได้” “คนที่ไม่ให้คือคนที่ไม่ได้คนโง่ที่แท้จริง คือ คนที่มีความสามารถแต่ไม่เคยให้ใคร ก็จะไม่ได้สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต คุณก็จะซวยตลอด นี่เป็นสัจจะนะ ฟังยากนะ มีโรงเรียนไหนสอนแบบนี้มั๊ย ส่วนใหญ่มีแต่จะสอนให้มีอาชีพสังคมบอกว่าสูง ค่าตอบแทนเยอะๆ สอนให้รวย มาที่นี่นะสอนกลับกันเลย ที่นี่สอนว่า ทำอย่างไรจะจนได้ ลูกศิษย์ผมมุ่งมาจนทั้งนั้น สอนวิชาจน อย่างมีชีวิตที่มั่นคง มีคุณค่า และผาสุกที่สุดในโลก นี่เป็นสัจจะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
๖. ธุรกิจจะมั่นคง ไม่ว่าจะทำธุรกิจที่เป็นสัมมาอาชีพอะไร ธุรกิจนั้นจะมั่นคง ทำไมถึงมั่นคง เพราะคนที่เราเกื้อกูลไว้เขาจะช่วยไว้ จะไม่ให้ล้ม เช่น เรามีร้านขายของชำ ร้านโชห่วย ร้านสิ้นค้า/บริการเล็กๆ แล้วมีห้างร้านทุนนิยมใหญ่ๆ  มาตั้งข้างบ้าน เราจะไล่เขาได้มั๊ย ไม่ได้ แต่ละจังหวัดยกธงไล่ทั้งนั้น ไล่ได้แต่ปาก แต่เขาไม่ไป เขาซื้อกรรมการ ซื้อผู้มีอำนาจเซ็นอนุมัติได้หมดแล้วเซ็นปุ๊บลงกลางเมืองเลยนะ ชาวบ้านที่ค้าขายสิ้นค้าและบริการที่เล็กๆก็เกิดความตกใจกลัว เพราะเขา ไม่รู้วิธีสู้กับทุนนิยม สู้กับทุนนิยมนั้นไม่ยากหรอก ก็อยู่แบบคนจน ถ้าเราไม่มีทุนมากเราจำเป็นต้องขายของแพงกว่าร้านใหญ่ๆบ้าง แต่เราไม่ได้เอามากเกินไป มันจำเป็น             เราไม่อยากขายแพงหรอก เราก็บวกเท่าที่เราพออยู่ได้ มันก็สูงกว่าร้านยักษ์ใหญ่/นายทุนใหญ่ๆ ถามว่าร้านเราจะเจ้งมั๊ย ไม่เจ้ง เพราะคนที่เราเกื้อกูลไว้ เขาจะเกื้อกูลเรา เขาจะช่วยเราไว้  เขาบอกว่าให้เราเจ้งไม่ได้ เพราะเราเป็นผู้มีน้ำใจให้เขา ถ้าเราให้ แบ่งปัน ร้านเราก็ ไม่เจ้ง เราจะอยู่กับทุนนิยมได้
๗.ชีวิตมั่นคง มีคุณค่า และผาสุกที่สุดในโลก เมื่อเรามีคุณธรรมถึงขั้นพึ่งตน เรียบง่าย ประหยัด ขยัน และแบ่งปันแล้ว เราจะเป็นคนที่มีคุณค่า มีความประเสริฐ มีกุศล มีความสุข นั่นคือ ชีวิตที่มั่นคง มีคุณค่า และผาสุกที่สุดในโลก
                      หลายคนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ให้ชีวิตพอเพียงอย่างผาสุก นักวิชาการจำนวนมากที่ไม่รู้จริง เขาทำไม่ได้หรอก เพราะเขายังไม่รู้เคล็ดแท้ ๆ ที่ผมพาพี่น้องทำ ค่อย ๆ บอกเคล็ดมาตั้งแต่วันแรก คือ กินข้าวกับเกลือ ความเป็นจริงก็ไม่ใช่กินข้าวกับเกลืออย่างเดียวหรอกใช่ไหม กินอย่างอื่น ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายด้วย เป็นการใช้ชีวิตที่กินอยู่อย่างประหยัดเรียบง่าย เป็นการกินใช้ที่น้อยที่สุดแต่สมบูรณ์แบบที่สุด ไม่น้อยเกินจนขาดแคลน ไม่มากเกินจนสิ้นเปลืองและเป็นภัย เคล็ดของการทำเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเฉลิมพระเกียรติในหลวงของเรา เราเน้นการสร้างสุขภาพที่ดี ก็ต้องทำทุกเรื่องที่สำคัญของชีวิต การกินการใช้สิ่งต่าง ๆ รวมถึงการทำหน้าที่กิจกรรมการงานที่ดีงามอันเป็นกุศลและการพักผ่อนที่ได้สมดุลกายใจ และสิ่งแวดล้อม มันเป็นวิชาทักษะของการดำเนินชีวิตให้ผาสุก     

1 ความคิดเห็น: